โรคลำไส้อักเสบในสุนัข โรคร้ายของน้องหมาที่อาจมีอาการท้องเสียเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อโปรโตซัว เชื้อแบคทีเรีย พยาธิในลำไส้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนอาหารและน้ำดื่มอีกด้วย เพราะอาการท้องเสียจากสาเหตุเหล่านี้จะมีวิธีรักษาเฉพาะเจาะจง และอาการท้องเสียที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่มียารักษาโดยตรง เนื่องจากเชื้อไวรัสไม่สามารถฆ่าได้โดยตรงได้ ดังนั้นการรักษาจึงมุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการ เชื้อไวรัสบางชนิดอาจรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าโรคที่ว่านี้จะมีเรื่องสำคัญอะไรที่เราควรรู้และเตรียมตัวไว้ก่อนบ้าง
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข เกิดจากสาเหตุอะไร
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข เกิดจากการติดเชื้อไวรัสพาร์โวในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งพบได้บ่อยและรุนแรงมากเลยในลูกสุนัขอายุระหว่าง 6 สัปดาห์ถึง 6 เดือน รวมถึงสุนัขที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนด้วย โดยไวรัสนี้จะถูกขับออกมาทางอุจจาระของสุนัขที่ติดเชื้อประมาณ 5 วันก่อนที่จะแสดงอาการ และยังสามารถขับออกมาได้นานถึง 10 วันหลังจากที่สุนัขหายจากโรคแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกสุนัขที่ติดเชื้อออกจากสุนัขตัวอื่นๆ เอาไว้ด้วย
สำหรับไวรัสพาร์โวยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และสามารถคงสภาพอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายเดือน โดยสามารถแพร่สู่สุนัขได้ผ่านการดม เลีย หรือการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อน ซึ่งเมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายสุนัข จะเข้าไปทำลายเซลล์ในผนังลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง และไขกระดูก ส่งผลให้เกิดปัญหาการดูดซึมสารอาหาร ทำลายภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้นั่นเอง
อาการโรคลำไส้อักเสบในสุนัข
โดยทั่วไป อาการจะปรากฏภายใน 5-7 วัน แต่ในบางกรณีอาจยาวนานถึง 2 สัปดาห์ ดังนี้
- เซื่องซึม ไม่กินอาหาร หรือมีไข้
- อาเจียน ถ่ายเหลวเป็นเลือด ภายใน 24-48 ชั่วโมง
- เกิดภาวะขาดน้ำ สังเกตเหงือกซีดแห้ง อ่อนแรไม่มีแรง
- เมื่อคลำตรวจแล้วจะปวดเกร็งช่วงท้อง เนื่องจากลำไส้อักเสบขยายตัว
- หากรักษาช้า อาจมีอาการช็อก หมดสติ น้ำตาลตก และเสียชีวิตได้
การวินิจฉัยโรค
ทางสัตวแพทย์จะวินิจฉัยโรคจากอาการทางกายภาพและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยหากทำการตรวจเลือดพบภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ภาวะขาดอิเล็กโทรไลต์ และภาวะน้ำตาลต่ำก็ถือว่าเป็นโรคดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้อาจจะพบภาวะเอนไซม์ตับและไตสูงกว่าปกติได้ การตรวจด้วยชุดทดสอบไวรัสพาร์โวจะช่วยตรวจหาเชื้อในอุจจาระ แต่ผลอาจเป็นลบในระยะแรกของการติดเชื้อ ซึ่งหากสุนัขมีอาการทางกายภาพแต่ผลตรวจเป็นลบก็ควรทำการตรวจซ้ำ นอกจากอาการที่กล่าวมาแล้วอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่นๆ ได้ เช่น ภาวะลำไส้กลืนกัน หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และภาวะทางเดินหายใจ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีรักษา
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคลำไส้อักเสบในสุนัขได้โดยตรง เนื่องจากยังไม่มีตัวยาใดจะที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ ดังนั้นการรักษาจึงเน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกายของสุนัขที่อ่อนแอทั้งจากการอาเจียน ท้องเสีย และการสูญเสียเลือดให้กลับมาใกล้เคียงปกติโดยเร็วที่สุด โดยเริ่มจากการงดน้ำและอาหาร เพื่อลดภาระการทำงานของลำไส้ที่ผิดปกติหลังจากที่ไวรัสได้ทำลายเยื่อบุลำไส้ไปแล้ว ข้อที่ต้องระวังคือการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียนั้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด นอกจากนี้สุนัขจะได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดซึ่งประกอบด้วยสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียที่เกิดจากอาการอาเจียนและท้องเสีย เมื่ออาการอาเจียนและท้องเสียหยุดลงอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จึงควรให้อาหารที่ย่อยง่าย มีกากใยน้อย และมีไขมันต่ำเป็นหลัก
ทำอย่างไรหากพบว่าสุนัขเป็นโรคนี้
หากเลี้ยงสุนัขหลายตัวแล้วพบว่าตัวใดตัวหนึ่งมีอาการท้องเสียหรืออาเจียน ควรรีบแยกบริเวณที่เลี้ยงสุนัขตัวนั้นออกจากตัวอื่นๆ ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขตัวอื่นสัมผัสกับอุจจาระที่อาจมีเชื้อโรคติดต่อได้ ซึ่งการวินิจฉัยโรคลำไส้อักเสบติดต่อสามารถทำได้เองที่บ้านแบบเบื้องต้น โดยการตรวจอุจจาระด้วยชุดตรวจ แต่บางครั้งชุดตรวจอาจให้ผลคลาดเคลื่อนได้เหมือนกันในสุนัขเพิ่งได้รับวัคซีนรวมที่ประกอบด้วยเชื้อไวรัสโรคลำไส้อักเสบติดต่อภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นการใช้ตรวจชุดตรวจอาจไม่แม่นยำเสมอไป ให้นำมาพบสัตวแพทย์เพื่อเช็คอาการจะดีที่สุด
แนวทางป้องกัน
อย่างที่บอกไปว่าหากเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว เพื่อความปลอดภัยของลูกสุนัขที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วนก็ควรแยกบริเวณ กักบริเวณในการเลี้ยง และผู้เลี้ยงต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสุนัขอื่นๆ หรือสถานที่ที่มีสุนัขจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น สวนสาธารณะ ตลาดนัด เป็นต้น และอย่าลืมนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันด้วย โดยโปรแกรมการฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นเมื่อลูกสุนัขอายุ 2, 3 และ 4 เดือน ตามด้วยการกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 1 ปี สำหรับสุนัขที่หายจากโรคลำไส้อักเสบ ควรแยกเลี้ยงเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และฆ่าเชื้อบริเวณที่เลี้ยง รวมถึงภาชนะต่างๆ ด้วยน้ำยาฟอกขาวเจือจางประมาณอัตราส่วน 1:30 เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที เป็นประจำ
สรุปสิ่งน่ารู้จากโรคลำไส้อักเสบ
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ไม่ได้เกิดจากการกินกระดูกอย่างที่หลายคนเชื่อกันมาแบบผิดๆ โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้มีความรุนแรง โดยเฉพาะในลูกสุนัขที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แถมเชื้อไวรัสสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน และแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการกินอาหารของสุนัข และไวรัสจะเข้าโจมตีเซลล์ในผนังลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องเสียปนเลือด ดังนั้นหากใครที่อยากเลี้ยงสุนัขก็ควรนำมาฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อน เพราะโรคดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ติดต่อได้ง่าย ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อสู่คนก็ตาม อีกทั้งการฉีดวัคซีนยังสามารถกระตุ้นการป้องกันได้ครอบคลุมหลายโรคด้วย ทั้งโรคไข้หัด ตับอักเสบ เลปโตสไปโรซิส และโรคหลอดลมอักเสบติดต่อ ซึ่งนอกเหนือจากลำไส้อักเสบแล้วยังได้การป้องกันที่ครบถ้วน แต่ควรฉีดกระตุ้นประจำทุกปี
อ่านเพิ่มเติม 10 โรคร้ายของสุนัข