บูลด็อก สุนัขสายพันธุ์ขนาดเล็กถึงปานกลาง อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ผู้คนนำมาเลี้ยงอย่างแพร่หลาย เลี้ยงง่ายและอัธยาศัยดี เหมาะกับการมาเป็นเพื่อนแก้เหงา และยังสามารถเลี้ยงในอพาร์ทเม้นท์ได้ เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัด แถมยังไม่เห่าพร่ำเพรื่ออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้านอื่นๆ ที่น่าสนใจ ให้ได้ติดตามกัน หากใครสนใจอยากเลี้ยงมาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องรู้กันบ้าง
ประวัติสายพันธุ์ บูลล์ด็อก
สุนัขพันธุ์บูลล์ด็อก (English Bulldog) หรือที่คนเรียกกันติดปากว่าหมาบูลด็อก เดิมนั้นเป็นชื่อสามัญของสุนัขสายพันธุ์ อิงลิช บูลล์ด็อก หรือ บริติช บูลล์ด็อก ซึ่งจะเป็นสายพันธุ์ที่มีความหลากหลายเกี่ยวข้องกันทั้ง อเมริกัน บูลล์ด็อก รวมถึง เฟรนช์ บูลล์ด็อก เนื่องจากต้นกำเนิดของสายพันธุ์บลูด็อกนั้นอาจจะไม่ได้แน่ชัดแต่มีหลายคนเชื่อว่ามาจากเกาะประเทศอังกฤษ เนื่องจากคำว่า บลู ในชื่อของสายพันธุ์นี้มาจากการที่มัน มักจะถูกนำเป็นเหยื่อของกีฬาที่โหดร้ายในการต่อสู้กับวัวกระทิง จนกระทั่งในปี 1835 ที่กีฬาดังกล่าวนั้นได้ถูกสั่งห้าม ทำให้สุนัขพันธุ์บลูด็อกกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน เพราะมันมีความซื่อสัตย์และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างนิ่งไม่เหมือนกับสุนัขทั่วไป อีกทั้งสุนัขพันธุ์บลูด็อกในช่วงเวลา 10 ปีหลังจากนั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สุนัขพันธุ์บูลล์ด็อก มีลักษณะเด่นอย่างไร
สุนัขสายพันธุ์บลูด็อกเป็นสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความกำยำ มีรูปร่างที่สันทัดกล้ามเนื้อแน่น แต่อาจจะมีน้ำหนักเกินหากเทียบกับส่วนสูง ลักษณะขาสั้น มีขนสั้นแต่เรียบและเงางาม ส่วนสีขนที่พบบ่อยจะมีด้วยกัน 4 สี คือสีน้ำตาลแดง สีขาว สีดำ และสีน้ำตาลอ่อน โดยอาจผสมสีกันได้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม นอกจากนี้น้ำหนักจะเฉลี่ยอยู่ที่ 18-30 กิโลกรัม ส่วนสูงประมาณ 40 เซนติเมตรขึ้นไป ต้นขาที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง หรือใบหน้าที่เหี่ยวย่น และจมูกที่ยุบลงไป เลยกลายเป็นจุดเด่นมากกว่าสายพันธุ์อื่น โดยทางสหราชอาณาจักรก็ไปทำหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานการปรับปรุงสายพันธุ์นี้อีกด้วย สำหรับบลูด็อกจะมีอายุขัยอยู่ที่ 8-12 ปี แต่ปัญหาด้านสุขภาพทำให้มีอายุขัยสั้นลง เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น
หมาพันธุ์บูลล์ด็อก มีลักษณะนิสัยอย่างไร
สำหรับลักษณะนิสัยทั่วไปของสุนัขสายพันธุ์บลูด็อก จะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเชื่อง พูดจาฟังง่าย แต่ก็มีความสามารถการเคลื่อนไหวดีมาก ทั้งรวดเร็ว คล่องแคล่ว แต่จะได้แค่ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยบลูด็อกจะมีความที่เข้ากับสัตว์อื่นง่าย ชอบเข้าสังคมและเป็นมิตร แต่บางครั้งก็ดื้อร้านไม่ค่อยฟัง นอกจากนี้ยังถูกจัดอันดับให้เป็นสุนัขที่มีความฉลาดต่ำมากที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่ง
ด้วยความที่อารมณ์ดี และผู้คนรู้จักถึงลักษณะนี้ได้เด่นชัดมากจึงทำให้ถูกจำกัดความว่าไม่ใช่สายพันธุ์ที่ดุร้าย ซึ่งยังมีนิสัยของความติดบ้าน ติดครอบครัว ไม่ค่อยเดินออกไปนอกบ้านหากไม่มีเจ้าของพาไปด้วย ทำให้ค่อนข้างเลี้ยงง่าย เพราะธรรมชาติของสายพันธุ์นี้จะมีความเป็นมิตรและเข้ากับเด็กได้ดี ทำให้สามารถเล่นได้ด้วยตลอดเวลาเลย แถมยังมีความอดทน อยากได้รับความสนใจจากทุกๆ คน ดังนั้นสุนัขสายพันธุ์บลูด็อกควรได้รับความสนใจจากเจ้าของและคนที่ต้องการเลี้ยงเป็นอย่างดีอยู่เสมอ
แนวทางการดูแลสุนัขบูลล์ด็อกและออกกำลังกาย
สำหรับการดูแลและการออกกำลังกายสุขภาพต่างๆ นั้น โดยปกติแล้วบลูด็อกถือว่ามีสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายให้อยู่ในระดับปานกลางจะเหมาะสมที่สุด ไม่ควรวิ่งหรือเดินเป็นเวลานานเกินไป เพื่อรักษาสมดุลร่างกายไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ แต่ปกติแล้วบุคลิกของบลูด็อกจะมีความนิ่งกว่าสายพันธุ์อื่น แม้บางช่วงจะดูร่าเริงมากกว่าปกติ แต่การออกกำลังกายก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดโรคอ้วนได้ง่าย โดยผู้เลี้ยงจะต้องพาไปออกกำลังกายเป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ
นอกจากนี้บลูด็อกจะมีความไวต่อความร้อน ร่างกายจะค่อนข้างร้อนตลอดเวลา หากอยู่ในสภาพอากาศที่อบอุ่น ดังนั้นในช่วงฤดูร้อนควรจะระมัดระวัง เพราะจมูกที่สั้นของสุนัขสายพันธุ์นี้ทำให้การอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนหรือชื้นจะค่อนข้างหายใจลำบาก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะอาจจะทำให้สุนัขหายใจไม่ทันและช็อคได้
หมาบูลล์ด็อก ควรให้อาหารอย่างไร
แนวทางการให้อาหารของสุนัขสายพันธุ์บลูด็อกต้องบอกว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม เนื่องจากสายพันธุ์นี้จะมีการทำกิจกรรมแต่ละวันค่อนข้างน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ดังนั้นจึงอาจจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิดขึ้น ผู้เลี้ยงสายพันธุ์บลูด็อก แนะนำว่าควรจะให้อาหารวันละ 2 ครั้ง โดยปริมาณที่ให้นั้นก็ให้ขึ้นอยู่กับอายุและการทำกิจกรรมประจำวันได้เลย หากวันไหนที่มีการออกกำลังกายก็อาจจะเพิ่มปริมาณอาหารเล็กน้อย และอย่าลืมวางน้ำสะอาดให้กับพวกมันอยู่เสมอ เพื่อให้มันสามารถกินน้ำได้บ่อยๆ เพราะจะช่วยลดระดับความร้อนในร่างกายได้
โดยรวมแล้วบูลด็อก ถือว่าเป็นสุนัขที่เลี้ยงง่าย ค่อนข้างเป็นมิตร นิสัยง่ายๆ สบายๆ ไม่ค่อยชอบรบกวนเจ้าของ หรือทำตัวน่ารำคาญแต่อย่างใด เลยทำให้กลายเป็นสุนัขขวัญใจที่ครองใจผู้เลี้ยงทั่วโลก ความน่ารักน่าเอ็นดูจากใบหน้าใหญ่และกระพุ้งแก้มหนาๆ รูปร่างที่อ้วนท้วนแบบนี้จึงกลายเป็นเสน่ห์ครองใจผู้คนมาตลอด ปัจจุบันเราจะเห็น สุนัขพันธุ์บลูด็อกปรากฏตัวตามสื่อโฆษณาและภาพยนตร์อย่างหลากหลาย และมักจะสื่อว่าเป็นสุนัขที่มีความแข็งแกร่งดุร้าย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันกลับเป็นสุนัขที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย และชอบอยู่เงียบๆ กับเจ้าของก็มีความสุขแล้ว